โปรโตคอลสำหรับรับส่งอีเมล
โปรโตคอลที่ทำงานเกี่ยวกับอีเมล์
การทำงานทั่วๆไปของอีเมล์โดยสรุปมีเพียง 2 ประเภท คือกานส่งอีเมลล์
และการรับอีเมลล์ โดย
โปรโตคอล SMTP(Simple Mail Transfer Protocol)
จะใช้จะที่User agent ส่งอีเมลล์มาที่MTA
(เฉพาะแบบoffline)และใช้ขณะรับและส่งอีเมล์ระหว่างMTA(Mail Transfer Agent)
ด้วยกัน สำหรับการใช้เมล์แบบ offline
คือเครื่องที่ผู้ใช้ใช้อ่านเมล์ไม่ได้ต่อกับเครื่องที่มีเมลล์บ็อกซ์ตลอดเวลา
อาจเลือกดาวน์โหลดเมล์มาเก็บไว้ที่เครื่องของตัวเอง
โดยจะมีโปรโตคอลที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 แบบ คือ โปรโตคอลPop(Post Office
Protocol) และIMAP(Internet Message Access Protocol)
ซึ่งจะทำหน้าที่ดาวน์โหลดหรืออัพโหลดอีเมล์จากเครื่องของผู้ใช้ไปยังเครื่องที่มีMTA
อยู่
องค์ประกอบและโปรโตคอลต่างๆที่ใช้งานอยู่ในระบบการทำงานของอีเมลล์
SMTP(Simple Mail Transfer Protocol)
SMTP
เป็นโปรโตคอลที่คู่กับPOP3 เพราะเป็นโปรโตคอลที่ใช้ส่งอีเมล์จากUser Agent
ของผู้ส่งไปยังMTA ของผู้ส่งและส่งต่อไปยัง MTA
เครื่องอื่นๆที่เป็นจุดผ่านในการเชื่อมต่อไปยังเครื่องของผู้รับ โปรโตคอล
STMP จะทำงานร่วมกับโปรโตคอลTCP โดยใช้พอร์ต25 ซึ่งคำสั่งต่างๆของSMTP
จะเป็นลักษณะเดียวกับPOP3 คือเป็นASCII
เมื่อเริ่มต้นการติดต่อ SMTP
จะกำหนดให้ User agent ของผู้ส่งต้องส่งคำสั่ง HELLO
พร้อมกับรายละเอียดด้านผู้ส่งออกไป จากนั้นจะส่งคำสั่ง MAIL
เพื่อแจ้งให้เซิร์ฟเวอร์เตรียมรับอีเมล์
ในส่วนขอเซิร์ฟเวอร์เมื่อพร้อมที่จะรับอีเมล์ก็จะตอบรับกลับมาด้วยคำสั่ง OK
จากนั้นที่ด้านส่งก็จะเริ่มส่งโดยใช้คำสั่ง RCPT
เพื่อกำหนดอีเมล์แต่ละฉบับที่จะส่งไป
ซึ่งการส่งข้อมูลของอีเมล์จะถูกระบุด้วยคำสั่ง DATA
เมื่อได้รับคำสั่งต่างๆของผู้ส่งแล้ว
เซิร์ฟเวอร์จะมีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของคำสั่ง
จากนั้นจึงทำงานตามคำสั่งและส่งผลตอบกลับมา
ส่วนลักษณะของข้อมูลที่ตอบกลับนั้นจะเป็นข้อมูลที่อยู่ในรูปของtext
ที่เป็นASCII
ในการส่งอีเมล์ของโปรโตคอล SMTP นั้น จะใช้วิธีอ้างถึงเซิร์ฟเวอร์อื่นๆตาม
DNS(Domain Name System) เช่นเดียวกับระบบอื่นๆในอินเตอร์เน็ต
และยังสามารถส่งอีเมล์ไปยังผู้รับคนเดียวหรือหลายๆคนพร้อมกันได้ด้วย
POP
เป็นโปรโตคอลที่ทำหน้าที่โหลดอีเมลล์มาจากMTA ไปยัง User Agent
ซึ่งในปัจจุบันได้พัฒนามาจนถึงเวอร์ชั่นที่3 แล้ว
โปรโตคอลนี้เป็นตัวแรกที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้รับอีเมล์
และเพื่อให้สนับสนุนการทำงานในแบบoffline
โดยจะติดต่อเข้าไปยังเมล์เซิร์ฟเวอร์แล้วดาวน์โหลดอีเมล์ทั้งหมดมาไว้ที่ User
Agent จากนั้นจะลบอีเมล์ที่เซิร์ฟเวอร์นั้นทิ้งไป
เพื่อป้องกันการดาวน์โหลดซ้ำ แต่ผู้ใช้จะทำงานแบบOnline กับ
เซิร์ฟเวอร์ไม่ได้ เนื่องจากการอ่านอีเมล์จะดึงอีเมล์ที่เก็บไว้ในUser Agent
ขึ้นมาให้อ่านหลังจากที่ดาวน์โหลดมาเก็บไว้
ซึ่งในขณะนั้นอาจจะไม่ได้ออนไลน์อยู่กับเน็ตเวิร์กก็ได้
โปรโตคอลของPOP3 จะทำงานในแบบไคลเอนต์เซิร์ฟเวอร์ คือมีโปรแกรมPOP server
ในเมล์เซิร์ฟเวอร์ และPOP Client ในเครื่องผู้รับ
ซึ่งปกติจะฝังอยู่ในโปรแกรมที่เป็นUser Agent เลย
โปรแกรมทั้งสองจะติดต่อกันโดยใช้ชุดคำสั่งที่เป็นรหัสASCII
การทำงานของPOP3
จะทำงานร่วมกับโปรโตคอลTCP โดยทั่วไปจะใช้พอร์ต 110 ในการติดต่อ
ขั้นตอนการทำงานของPOP3 จะมี3สถานะคือ
1.สถานะขออนุมัติ
–เมื่อเริ่มต้นติดต่อกับเซิร์ฟเวอร์จะเป็นการเข้าสู่สถานะการขออนุมัติ
โยไคลเอนต์จะต้องแจ้งชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน(Password)
เพื่อขออนุมัติจากเซิร์ฟเวอร์ก่อน โดยไคลเอนต์จะใช้คำสั่งUSER
เพื่อระบุชื่อผู้ใช้ หรือคำสั่ง PASS เพื่อกำหนด Password
แต่ในกรณีที่ชื่อและ Password ถูกเข้ารหัสไว้ และไม่ได้เป็นค่าASCII
ทั่วไปไคลเอนต์จะใช้คำสั่ง APOP ทำงานแทนคำสั่ง USER และ PASS
2.สถานะรับส่งรายการ - หลังจากที่ได้รับอนุมัติจากเซิร์ฟเวอร์แล้ว
ก็จเข้าสู่สถานะที่ใช้คำสั่งในการทำงานต่างๆ
3.สถานะปรับปรุงข้อมูล – เมื่อ User Agent เลิกใช้งานด้วยคำสั่งQUIT
ของPOP3 เซิร์ฟเวอร์ก็จะเข้าสู่สถานะปรับปรุงข้อมูล
เพื่อลบอีเมล์ที่ดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้วออกไป
จากนั้นก็จะเข้าสู่สถานะขออนุมัติใหม่โดยอัตโนมัติ
เพื่อรอรับการทำงานครั้งต่อไป
IMAP4(Internet Message Access Protocol)
IMAP
เป็นอีกโปรโตรคอลหนึ่งที่ใช้ส่งอีเมล์
ซึ่งมีประสิทธิภาพและสามารถใช้งานได้หลากหลายแบบมากกว่า POP ปัจจุบันIMAM
ถูกพัฒนาจนเป็นเวอชั่น4 จุดเด่นของIMAP คือ
ผู้ใช้สามารถเลือกดาวน์โหลดเฉพาะอีเมลล์ที่ต้องการได้
โดยไม่จำเป็นต้องโหลดมาทั้งหมดเหมือนโปรโตคอลPOP3 นอกจากนี้IMAP
ยังสามารถรองรับการทำงานได้ทั้งแบบ Offline,Online และDiconnected อีกด้วย
ดังนั้นประโยชน์ที่ได้จากIMAP ก็คือ หากผู้ใช้มีอีเมล์แอดเดรสเพียงชื่อเดียว
แต่มีเครื่องที่ใช้งานอยู่หลายเครื่อง เช่น เครื่องที่บ้าน ,ที่มทำงาน
หรือแลปท็อปก็จะสามาถเลือกดาวน์โหลดเฉพาะอีเมล์ที่ต้องการเก็บไว้ที่เครื่องใดก็ได้
แต่ถ้าเป็นPOP3 การดาวน์โหลดจะต้องทำพร้อมกันหมดทุกอีเมล์ ดังนั้น IMAP
จึงเป็นโปรโตโคที่สามารถใช้งานกับสื่อสารที่มีความเร็วต่ำได้อย่างดี
การทำงานของIMAP นี้จะเหมือนกับโปรโตคอลอื่นๆโดยทำงานร่วมกับ TCP
ใช้พอร์ตหมายเลข143 และจะแบ่งเป็นสถานะต่างๆออกเป็น 4 สถานะ
โดยในแต่ละสถานะจะมีวัตถุประสงค์และคำสั่งที่ใช้งานแตกต่างกัน
โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.สถานะก่อนอนุมัติ –
เป็นสถานะที่กำลังรอให้ไคลเอนต์ติดต่อเข้ามาเพื่อขออนุมัติใช้
ดังนั้นในด้านไคลเอนต์จะต้องแจ้งLogin ของMail Server นั้นและ Password
ด้วยคำสั่ง LOGIN ก่อนจึงจะเริ่มใช้งานได้
จากนั้นจึงเปลี่ยไปเป็นสถานะได้รันการอนุมัติ
2.สถานะได้รับการอนุมัติ –
เป็นสถานะที่สามารใช้คำสั่งต่างๆที่เกี่ยวกับการเลือกและใช้งานเมล์บ็อกซ์
เช่น คำสั่ง SELECT เพื่อเลือกเมล์บ็อกซ์ หรือคำสั่ง CREATE
เพื่อสร้างเมล์บ็อกซ์ เป็นต้น ในการเลือกเมล์บ็อกซ์ด้วยคำสั่ง SELECT
หรือEXAMINE นี้เป็นการเปลี่ยนสถานะการเลือกเมลล์บ็อกซ์
3.สถานะเลือกเมลล์บ็อกซ์ –
เป็นสถานะที่จะเข้าใช้งานอีเมลล์ในแต่ละเมล์บ็อกซ์
หลังจากที่เลือกเมล์บ็อกซ์ไว้แล้วในสถานะก่อนหน้านี้
4.สถานะเลิกใช้งาน – เมื่อต้องการเลิกใช้งาน หรือสิ้นสุดการทำงาน IMAP
จะเข้าสู่สถานะการเลิกใช้งาน โดยใช้คำสั่ง LOGOUT การทำงานทั้ง 4 สถานะ ไม่จำเป็นต้องทำงานเรียงต่อกันเสมอไป
รูปแบบของอีเมล และอีเมลแอดเดรส
E-mail address : ที่อยู่การส่ง E-mail - <user name> @ domain name
- sakda@kku.ac.th
- ต้องไม่มี ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่, เว้นวรรค
มีส่วนประกอบ 3 ส่วน
- Username : ชื่อผู้ใช้
- เครื่องหมาย : @ เรียกว่า assign อ่านออกเสียงว่า “at”
- domain name : ชื่อสถานีรับ-ส่ง E-mail
ประเภทของอีเมล
อีเมลได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นในการสื่อสารของใครยุคปัจจุบัน
สำหรับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพราะ สะดวก ประหยัด และรวดเร็ว ดังนั้น
การให้บริการอีเมลจึงมีหลายรูปแบบ ดังนี้
1. อีเมลจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต คือ อีเมลที่ได้มาเมื่อเราสมัครเป็นสมาชิกของผู้ให้บริการด้านอินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider)โดย
การซื้อชั่งโมงการอินเทอร์เน็ตเป็นบริการเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้า
และเป็นบริการที่จะสามารถติดต่อกับสมาชิกได้อย่างรวดเร็วสำหรับการใช้บริการ
อีเมลรูปแบบนี้มักจะเกิดปัญหาคือ
เมื่อเราเปลี่ยนการขอให้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตเป็นบริษัทอื่น
และขอปิดบัญชีการใช้บริการจากบริษัทเดิม
อีเมลที่ได้จดทะเบียนไว้กับบริษัทเดิมจะถูกยกเลิกทันที หรือ
เมื่อระยะเวลาในการให้บริการอินเทอร์เน็ตหมดลงอีกเมลก็จะหมดอายุการใช้งาน
ด้วย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอีเมลแอดรบ่อยครั้ง
เหมือนกับคนที่ย้ายบ้านบบ่อย ๆ
ถ้าไม่ใช้แจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ให้กับผู้ที่ติดต่อด้วยจะทำให้การติดต่อ
ไม่สามารถทำได้ เมื่อมีผู้ส่งจดหมายมาดารที่อยู่เดิมจะทำให้ไม่ได้รับจดหมาย
และจดหมายจะถูกตีกลับไปยังผู้ส่งเช่นเดียวกับระบบการสื่อสารโดยผ่านทาง
ไปรษณีย์
2. อีเมลจากองค์กร
เช่น บริษัท สถาบันการศึกษา หน่วยงาน หรือองค์กรต่าง
ซึ่งจะเป็นอีเมลที่ให้บริการเฉพาะกลุ่มบุคคลที่เป็นสมาชิกอยู่ภายใต้องค์กร
นั้น ๆ เช่น Kulrapee@nvc-korat.ar.th โดยที่อยู่ Nvc-korat.ac.th คือ ชื่อโดเมนเนมของวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมาซึ่งสมาชิกคือ บุคลากรภายในวิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา เท่านั้น
3. อีเมลฟรี
คือ
เว็บไซต์ที่ให้บริการรับส่งจดหมายบนเครื่องข่ายอินเทอร์เน็ตโดยไม่จำกัด
กลุ่มบุคคล
ซึ่งใครที่ต้องการใช้บริการก็สามารถที่จะเข้ามาลงทะเบียนเป็นสมาชิกเพื่อขอ
อีเมลแอดเดรสได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
เมื่อได้รับการลงทะเบียนเป็นสมาชิกของอีเมลนั้นแล้วก็จะได้รับพื้นที่ของ
เมล์บ๊อกซ์เพื่อจัดเก็บจดหมาย
ซึ่งมีเว็บไซต์มากมายที่ให้บริการอีเมลฟรีแก่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น
การ
ใช้บริการอีเมลสามารถติดต่อสื่อสารได้กับทุกคนทั่วโลก
นกจากการสื่อสารผ่านทางข้อความแล้ว ยังสามารถแนบไฟล์ข้อมูลอื่น ๆ ไปได้ด้วย
เช่น รูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหวการ์ดอวยพร หรือ
ไฟล์วีดีโอทำให้ประหยัดเพราะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ รวดเร็ว
และการส่งอีเมลสามารถส่งจดหมายฉบับเดียวกันไปยังบุคลได้หลาย ๆ คน
ในเวลาเดียวกัน
ขั้นตอนการขอใช้บริการอีเมล
มี
เว็บไซต์หลาย ๆ เว็บไซต์ที่เปิดบริการเมลเซิร์ฟเวอร์
เพื่อให้บริการด้านอีเมลแก่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วไป
ซึ่งเป็นอีเมลฟรี โดยให้ผู้ใช้เลือกใช้บริการได้
แต่ละคนสามารถที่จะมีอีเมลแอดเดรสของตนเองได้เกินกว่า 1 อีเมลแอดเดรส
โดยมีขั้นตอนในการสมัครขอใช้บริการอีเมลฟรีจาก www.yahoo.com ซึ่งสามารถสมัครได้ ดังต่อไปนี้
1. พิมพ์ www.yahoo.com กด Enter เพื่อเข้าสู่เว็บไซต์ของ www.yahoo.com
ขั้นตอนการเขียนและการส่งจดหมายสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้
2. คลิกเลือกที่เมนู Web
3. คลิกเลือก Sign Up Now จะแสดงรูปแบบการใช้บริการอีเมลที่เว็บไซต์นี้มีให้บริการโดยมีทั้งเป็นบริการอีเมลฟรี และเป็นบริการอีเมลที่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
4. คลิกเลือก Sign Up Yahoo! Mail เพื่อขอใช้บริการอีเมลฟรี
5. กรอรายละเอียดของผู้ขอใช้บริการเพื่อลงทะเบียนสมาชิก โดยแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ดังมีรายละเอียด ดังนี้
ส่วนที่ 1. Create Your! ID
1. First Name : ชื่อ
2. Last Name : นามสกุล
3. Perferred content : เลือก Yahoo! U.S.
4. Gender : เพศ
5. Yahoo! ID : ชื่อผู้ใช้บริการ (Username)
สมาชิกหรือยัง ถ้ามีแล้วไซต์จะแสดงชื่ออื่นมาให้เลือก โดยจะเลือก โดยจะนำมาจากชื่อและนามสกุลผู้ขอใช้บริการ หรือให้ตั้งชื่อใหม่ เช่น
แต่ถ้าเป็นชื่อที่ยังไม่ซ้ำกับผู้ใดจะปรากฏหน้าต่าง ดังนี้
7. Password : กำหนดรหัสผ่านต้องไม่ต่ำกว่า 6 ตัว
8. Re-type Password : ป้อนรหัสผ่านอีกครั้งเพื่อเป็นการยืนยัน
ส่วนที่ 2 If You Forget Password…
9. Security question : ให้เลือกคำถามเพื่อใช้ในกรณีที่เราลืมรหัสผ่าน
10. Your answer : คำตอบสำหรับคำถามที่เราได้เลือกไว้ โดยจะต้องไม่ต่ำกว่า 4 ตัวอักษร
11. Birthday : วัน เดือน ปีเกิด
12. ZIP/Postal code : รหัสไปรษณีย์
13. Country : ประเทศ
14. Alternate E-mail : อีเมลอื่นๆ เช่น kulrapee@thaimail.com
ส่วนที่ 3 Customizing Yahoo!
15. Industry : อาชีพ
16. Title : ตำแหน่ง
ส่วนที่ 4 Verify Your Registration
17. Enter the code shown : ให้พิมพ์ตัวเลขหรือตัวอักษรที่แสดงไว้ในกรอบ
สี่เหลี่ยมด้านล่างเป็นการตรวจสอบการลงทะเบียน
ส่วนที่ 5 Terms of Service
จะแสดงข้อตกลงในการลงทะเบียนเป็นสมาชิก โดยถ้าเลือก
I Agree : ยอมรับข้อตกลง และจะได้รับการลงทะเบียนเป็นสมาชิก
I Do Not Agree : ถ้าไม่ยอมรับข้อตกลงก็จะถูกยกเลิกการ
ลงทะเบียนเป็นสมาชิก เมื่อลงทะเบียนเรียบร้อย
แล้วจะแสดงการตอบรับ ดังนี้
หลัง
จากได้รับการตอบรับจากเว็บไซต์แล้ว
ก็จะทำให้เราสามารถมีอีเมลแอดเดรสเป็นของตนเอง
เพื่อใช้ในการสื่อสารทางระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
การเขียนและการส่งจดหมาย
1. ทำการ Log in เพื่อเปิดเมลบ๊อกซ์ขึ้นมาใช้งาน โดยต้องกำหนด ดังนี้
2. Sign in : คลิกที่ Sign in เพื่อทำการตรวจสอบ Yahoo! ID และ Password เมื่อถูกต้องแล้วจึงจะสามารถเข้าไปใช้งานภายใน Yahoo! Mail ได้
4. ถ้าต้องการตรวจสอบจดหมายที่เข้ามาในเมลบ็อกซ์ ให้คลิกที่ Check Mail
Yahoo! ID : ชื่อผู้ใช้บริการ (Username)
Password : รหัสผ่านที่ได้กำหนดไว้
Remember my ID on this computer : เมื่อคลิกเลือกแล้วจะทำให้ในครั้งต่อไป หลังจาก
กำหนด Yahoo! ID แล้วจะไม่ต้องป้อนรหัสผ่านในการ Log in อีก เพราะได้จำรหัสผ่านไว้ให้
3. หลังจากตรวจสอบ Yahoo! ID และ Password ถูกต้องแล้วจะปรากฏหน้าจอ ดังนี้
5. ถ้าต้องการที่จะเขียนจดหมายให้คลิกที่ Compose
องค์ประกอบของจดหมายจะประกอบด้วย 3 ส่วนดังต่อไปนี้
ส่วนของหัวเรื่อง ประกอบด้วย
1. To : อีเมลแอดเดรสของผู้รับจดหมาย เช่น kulrapee@thaimil.com
2. Subject : หัวเรื่องของจดหมาย
3. Attach Files : การแนบไฟล์ชนิดต่างๆ ไปกับจดหมาย เช่น ไฟล์รูปภาพ ไฟล์เสียง
เมื่อเลือกไฟล์ที่ต้องการแนบได้แล้ว
Attach Files : สั่งให้นำไฟล์ที่เลือกไปแนบกับจดหมายที่ต้องการส่ง
Cancel : ยกเลิกการแนบไฟล์
ส่วนที่ใช้สำหรับการเขียนจดหมาย
จะคล้ายกับกระดาษเปล่า แต่จะสามารถเลือกรูปแบบของการเขียนจดหมายได้หลากหลายมากกว่าการเขียนจดหมายลงบนกระดาษเปล่าทั่วไป ซึ่งจะช่วยทำให้จดหมายดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
หมายเลข 1. Spell Check ตรวจสอบคำผิด
หมายเลข 2. Cut การตัดข้อความ
หมายเลข 3. Copy การคัดลอกข้อความ
หมายเลข 4. Paste การวางข้อความ
หมายเลข 5. Font Face รูปแบบตัวอักษร
หมายเลข 6. Font Size ขนาดของตัวอักษร
หมายเลข 7. Bold ตัวอักษรแบบตัวหนา
หมายเลข 8. Italic ตัวอักษรแบบตัวเอียง
หมายเลข 9. Underline การเขียนเส้นใต้ข้อความ
หมายเลข 10. Text Color กำหนดสีของตัวอักษร
หมายเลข 11. Highlight Color สีสำหรับการเน้นข้อความ หรือตัวอักษร
หมายเลข 12. Insert Emotion สัญลักษณ์แสดงอารมณ์และความรู้สึกแบบต่างๆ
หมายเลข 13. Create Hyperlink การสร้างการเชื่อมโยง (Link)
หมายเลข 14. Align Text การจัดรูปแบบการพิมพ์ เช่น กึ่งกลาง ชิดซ้าย ชิดขวา
หมายเลข 15. List การเลือกหัวข้อแบ่งออกเป็น
Numbered List : หัวข้อเป็นรูปแบบของตัวเลข
Bulleted List : หัวข้อเป็นรูปแบบของสัญลักษณ์
หมายเลข 16. Decrease Indent การลดย่อหน้า
หมายเลข 17. Increase Indent การเพิ่มย่อหน้า
หมายเลข 18. Apply Stationery การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการใช้อีเมล
คำสั่งสำหรับการส่งจดหมาย
ส่วนที่ 1 คำสั่งที่ใช้สำหรับการส่งจดหมาย
Send : คำสั่งเพื่อให้เมลไคลเอนท์ทำการส่งจดหมาย
Save as draft : บันทึกจดหมายเป็นสำเนาเก็บไว้เพื่อสามารถตรวจสอบจดหมายภายหลังได้
Cancel : ยกเลิกการส่งจดหมาย
ส่วนที่ 2 Use my signature
เปรียบเสมือนกับการเขียนจดหมายด้วยกระดาษพร้อมทั้งเซ็นลายมือชื่อกำกับในจดหมายด้วย เพื่อป้องกันการปลอมแปลงจดหมาย
เมื่อได้จัดส่งจดหมายให้เรียบร้อยแล้ว yahoo! Mail จะแจ้งให้ผู้ขอให้บริการทราบทันที เพื่อจะได้ทราบว่าจดหมายที่ถูกส่งไปนั้นได้ถึงมือผู้รับแล้ว หรือมีปัญหาในการส่งจดหมายเกิดขึ้น
เมื่อ
จดหมายที่ส่งไปแล้วไม่สามารถที่จะส่งไปถึงมือผู้รับได้ เช่น
กรณีที่ที่อยู่ของผู้รับไม่ถูกต้อง จะแจ้งการตีกลับของจดหมายมายังผู้ส่ง
องค์ประกอบภายในกล่องจดหมาย
เมนูหลัก ประกอบด้วย 4 เมนู ดังต่อไปนี้
1. Inbox : กล่องจดหมายเข้า
จะแสดงจดหมายที่มีอยู่ในกล่องจดหมายทั้งหมด โดยจะจัดเรียงตามวันที่ของจดหมายที่เข้ามา
2. Sent : กล่องจดหมายออก
จะแสดงจดหมายที่ได้เขียนและส่งออกไปยังผู้รับ โดยจะจัดเรียงตามลำดับของการส่งจดหมายออกก่อนหลัง
3. Draft : กล่องเก็บสำเนาจดหมาย
ใน
บางครั้งเมื่อส่งจดหมายออกไปแล้วจ้องการที่จะเก็บจดหมายไว้เพื่ออ่าน
หรือเพื่อดูว่าได้ส่งจดหมายไปยังใครบ้าง
หรือเมื่อต้องการที่จะส่งจดหมายฉบับเดิมอีกก็จะไม่ต้องเสียเวลาในการเขียน
จดหมายใหม่
สามารถนำจดหมายที่อยู่ในกล่องเก็บสำเนาจดหมายมาใช้ส่งต่อไปยังผู้รับได้เลย
เช่นเดียวกับวิธีของงานธุรการด้านเอกสารที่เมื่อได้ทำหนังสือของหน่วยงานส่ง
ออกไปยังหน่วยงานอื่นๆ แล้ว
จำเป็นที่จะต้องเก็บสำเนาไว้เพื่อที่จะสามารถกลับมาตรวจอบการส่งจดหมาย
หรือเพื่อที่จะสามารถค้นหาเอกสารที่ได้ทำการส่งไปแล้วในภายหลังได้
4. Trash : ถังขยะ
เมื่อ
เราได้อ่านจดหมายจากกล่องจดหมายเข้าเรียบร้อยแล้ว
ก็ควรจะลบจดหมายฉบับนั้นออก เพราการสมัครอีเมล์ฟรีนั้น
เมล์เซิร์ฟเวอร์จะให้พื้นที่ในการจัดเก็บจดหมายจำนวนไม่มากนัก เช่น 10 MB, 5 MB, 2 MB เป็นต้น ดังนั้น ถ้าภายในกล่องจดหมายเรา
เก็บจดหมายไว้มาก จะทำให้พื้นที่ของกล่องจดหมายเต็มแล้วจะไม่สามารถ รับจดหมายอื่นๆ ที่จะเข้ามาใหม่ได้อีกเพราะกล่องรับจดหมายเต็มแล้ว
Addresses
Addresses คือ
การบันทึกอีเมล์แอดเดรสของบุคคลต่างๆ
ไว้ในเมล์บ็อกซ์เช่นเดียวกับการบันทึกหมายเลขโทรศัพท์ของเพื่อนไว้ในเครื่อง
โทรศัพท์มือถือ เพื่อสะดวกในการสื่อสารกันในครั้งต่อไป
ซึ่งเราจะไม่ต้องพิมพ์อีเมล์แอดเดรสของบุคคลคนนั้นอีก
เพียงแต่เปิดดูเมนูแอดเดรสขึ้นมาแล้วจะสามารถเลือกที่อยู่ของบุคคลที่ต้อง
การเขียนจดหมายไปถึงได้ทันที
เมื่อเราส่งจดหมาย จะสามารถกำหนดให้บันทึกอีเมล์แอดเดรสที่ได้ส่งจดหมายออกไปนั้นเก็บไว้ใน Addresses ได้ทันที เพียงแต่คลิก Add to Addresses Book
โดยสามารถกำหนดได้ตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1. เมื่อ
กำหนดให้ส่งจดหมายจากเมล์ไคลเอนท์เรียบร้อยแล้ว
จะแสดงชื่อของอีเมล์แอดเดรสที่ได้ทำการส่งจดหมายไปให้
เพื่อแจ้งผลของการส่งว่าได้สามารถจัดส่งจดหมายจากเมล์ไคลเอนท์ของผู้ส่งไป
ยังเมล์เซิร์ฟเวอร์ของผู้รับเรียบร้อยแล้ว
2. ถ้าต้องการบันทึกอีเมล์แอดเดรสที่ได้ทำการจัดส่งจดหมายเรียบร้อยแล้ว จะมีเมนูคำสั่งให้เลือกอยู่ด้านล่างว่า "Add to Addresses Book" ให้ทำการคลิกได้เรื่อง
3. จะปรากฏหน้าต่างสำหรับให้กำหนดรายละเอียดของเจ้าของอีเมล์ที่ต้องการบันทึกไว้ ดังนี้
First Name : ชื่อ
Last Name : นามสกุล
Nickname : ชื่อเล่น
4. จะปรากฏหน้าต่างแสดงรายละเอียดของอีเมล์ที่ได้ทำการบันทึกไว้เรียบร้อยแล้ว
5. โดยจะมีปุ่มคำสั่งให้สามารถเลือกการทำงานได้ ดังต่อไปนี้
Delete : ลบอีเมล์แอดเดรสที่ได้ทำการบันทึกแล้ว
Send Mail : เมื่อต้องการส่งจดหมาย โดยเลือกที่อยู่จากอีเมล์ที่ได้บันทึกไว้
Move to Category... : จัดกลุ่มของอีเมล์แอดเดรส
6. การจัดกลุ่มของอีเมล์แอดเดรส เมื่อคลิกที่ Move to Category...
เลือกที่ [New Category] และ
กำหนดชื่อของโฟลเดอร์ที่ต้องการจัดเก็บอีเมล์แอดเดรสพร้อมทั้งเลือกชื่อเจ้า
ของอีเมล์ที่ได้บันทึกรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว
เพื่อนำไปจัดเก็บในโฟลเดอร์ที่ได้กำหนดขึ้นจาก Selected Contacts :
เมื่อกำหนดทั้งโฟลเดอร์ที่ต้องการจัดเก็บอีเมล์แอดเดรส และเลือกชื่อเจ้าอีเมล์ที่ต้องการจัดเก็บแล้ว ให้คลิกเลือกที่ Move Contacts เพื่อทำการบันทึกต่อไป
ถ้ากำหนดทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ต้องการจัดเก็บ ให้คลิกที่ Cancel เพื่อยกเลิกการทำงาน
Calendar
Calendar คือ ปฏิทินสำหรับบันทึกตารางการปฏิบัติงาน โดยจัดแบ่งเป็นวัน สัปดาห์ เดือน ปี และเรียงตามเหตุการณ์ เพื่อช่วยให้สะดวกในการค้นหา
Notepad
Notepad เปรียบ
เสมือนสมุดบันทึกช่วยจำ โดยให้พิมพ์ข้อความต่างๆ
ที่ต้องการบันทึกเก็บไว้ในโฟลเดอร์
และสามารถที่จะเปิดออกมาอ่านเมื่อใดก็ได้ โดยกำหนดการบันทึกได้ ดังต่อไปนี้
1. เลือกเมนู Notepad
2. พิมพ์ข้อความที่ต้องการบันทึกในช่อง Notes
3. ถ้ายังไม่มีโฟลเดอร์ที่ต้องการจัดเก็บเลือกที่ Save and Add Another จะปรากฏข้อความเพื่อให้กำหนดชื่อของโฟลเดอร์ใหม่
4. ถ้าได้กำหนดโฟลเดอร์ไว้แล้วจะสามารถเลือกชื่อโฟลเดอร์ที่ต้องการจัดเก็บจากช่อง Folder ได้ทันที
5. แสดงรายการที่ได้บันทึกไว้ใน Notepad
6. ถ้าต้องการเพิ่มบันทึกข้อความ ให้คลิกที่ Add Note
7. ถ้าต้องการเมโฟลเดอร์ ให้เลือกที่ Add Folder
8. เมื่อต้องการที่จะอ่านบันทึกเรื่องใด ให้คลิกที่เรื่องนั้น จะปรากฏเนื้อหาของข้อความทั้งหมดออกมา
9. แต่
ถ้าต้องการลบบันทึกข้อความเรื่องใด ให้คลิกเลือกที่ช่องด้านหน้าข้อความนั้น
จะปรากฏเครื่องหมาย สี่เหลี่ยมข้างในมีเครื่องหมายถูก แล้วให้คลิกที่ Delete จะทำการลบบันทึกข้อความที่เลือกนั้นทันที
การอ่านจดหมาย
ภายในกล่องจดหมายเข้า จะแสดงจดหมายที่อยู่ภายใต้กล่องเก็บจดหมายนี้ เมื่อเราคลิกที่ Inbox จะ
ปรากฏรายการของจดหมายที่มีอยู่ ถ้าต้องการที่จะอ่านจดหมายฉบับใด
ให้คลิกที่ตัวจดหมายนั้น
แล้วจะแสดงรายละเอียดของเนื้อหาในจดหมายพร้อมทั้งจะมีหัวจดหมายเพื่อให้เรา
ทราบถึงที่มาของจดหมายได้ ดังนี้
Date : วันที่ได้รับจดหมาย
From : ชื่อและที่อยู่ของผู้ส่งจดหมาย
Subject : หัวเรื่องของจดหมาย
To : ที่อยู่ของผู้รับ
การตอบจดหมายกลับ
เมื่ออ่านจดหมายแล้วต้องการที่จะส่งจดหมายเพื่อตอบกลับไปยังผู้ส่ง สามารถเลือก Reply เรา
จะไม่ต้องพิมพ์ชื่อผู้รับอีก เพราอีเมล์จะนำชื่อของผู้ส่ง มาชื่อผู้รับ
พร้อมทั้งชื่อเรื่องก็จะเป็นชื่อเรื่องเดิม
ทำให้ผู้รับจดหมายสามารถเข้าใจเนื้อหาของจดหมายได้ดียิ่งขึ้น
โดยกำหนดการส่งได้ ดังนี้
1. Reply To Sender : ตอบจดหมายกลับไปยังผู้ส่ง
2. Reply To Everyone : ตอบกลับทุกคน
เมื่อตอบจดหมายเรียบร้อยแล้ว สามารถที่จะเลือก
1. Send เพื่อส่งจดหมาย
2. Save as a Draft เพื่อบันทึกจดหมายไว้ที่กล่องเก็บสำเนาจดหมาย
3. Cancel ยกเลิกการส่งจดหมาย
การส่งต่อจดหมาย
การ
ส่งต่อจดหมาย หมายความว่า เมื่อเราส่งจดหมายฉบับนี้ไปยังบุคคลอื่นๆ อีก
คล้ายกับระบบจดหมายเวียนที่สามารถส่งต่อไปยังบุคคลอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก
โดยไม่ต้องเสียงเวลาที่จะเขียนจดหมายทีละฉบับเพื่อส่งให้แต่ละคน
จะเป็นการช่วยลดเวลาในการเขียนจดหมาย
และยังสามารถทำเป็นสำเนาเพื่อส่งต่อไปยังบุคคลอื่นๆ ได้อีกด้วย
โดยวิธีการส่งต่อจดหมายสามารถทำได้ ดังนี้
เมื่อคลิกเลือกจดหมายขึ้นมาอ่านแล้ว จะทำการส่งต่อไปให้เพื่อนคคนอื่นอีก ให้เลือกที่ Forward จะปรากฏเมนูให้เลือก ดังนี้
1. As Inline Test : จะ
ปรากฏเนื้อหาเดิมของจดหมายที่เราได้รับแสดงออกมาเพียงแต่พิมพ์ที่อยู่ของผู้
รับลงไปเราก็สามารถทำการส่งต่อจดหมายไปยังผู้อื่นได้
โดยที่มีเนื้อหาของจดหมายเหมือนเดิม และสามารถเพิ่มเติมข้อความใหม่ได้
2. As Attachment : เป็น
การทำจดหมายที่ต้องการส่งต่อไปยังบุคคลอื่น ให้เป็นการแนบไฟล์ข้อมูล เช่น
เมื่อเราได้รับข่าวสารที่สำคัญมาทางอีเมล์ แล้วต้องการส่งต่อไปให้เพื่อน
สามารถที่จะทำไฟล์นั้นให้เป็นการแนบไฟล์เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูลได้
การลบจดหมาย
เมื่อ
ได้อ่านจดหมายแล้ว แบะถ้าไม่ต้องการเก็บจดหมายฉบับนี้ไว้อ่านอีก
เราก็จะทำการลบจดหมายฉบับนั้นทิ้ง
เพราะการใช้งานในอีเมลนั้นเราจะได้รับเนื้อที่จากเมลเซิร์ฟเวอร์ในการเก็บ
จดหมายจำหน่วยจำกัด ขึ้นอยู่กับแต่ละเมลเซิร์ฟเวอร์จะกำหนด ดังนั้น
ถ้าเราเก็บจดหมายทุกฉบับไว้ก็จะทำให้ตู้เก็บจดหมายของเราเต็มได้
หรือจำนวนจดหมายที่มากเกินไปเมื่อเราต้องการที่จะอ่านจดหมายฉบับเก่าอาจต้อง
ใช้เวลานานในการค้นหาจดหมายฉบับนั้น ดังนั้น
เราจึงต้องทำการลบจดหมายที่ไม่ต้องการทิ้งไปจากกล่องเก็บจดหมายของเรา
ซึ่งวิธีในการลบจดหมายทิ้งสามารถทำได้ ดังนี้
1. คลิกไปที่กล่องจดหมายเข้า (Inbox) เพื่อให้รายการของจดหมายที่อยู่ในกล่องจดหมายทั้งหมดออกมา
2. เมื่อต้องการลบจดหมายฉบับใด ให้คลิกที่กรอบสื่เหลี่ยมที่อยู่หน้าจดหมายแต่ละฉบับจะเกิดสัญลักษณ์ ü
3. ให้คลิกเลือกปุ่มคำสั่ง Delete เพื่อสั่งให้ลบจดหมายออกจากกล่องจดหมาย
4.
จะแสดงข้อความเพื่อให้ยืนยันความต้องการที่จะลบจดหมายจากกล่องเก็บจดหมาย
เมื่อต้องการที่จะลบจดหมายฉบับนั้นจริง ให้คลิกเลือกที่ปุ่ม Delete แต่ถ้ายังไม่ต้องการลบจดหมายออก ให้คลิกที่ปุ่ม Don’t Delete แล้วจดหมายจะไม่ถูกลบออกจากกล่องเก็บจดหมาย
เพียง
ทำตามขั้นตอนดังกล่าวแล้ว
จะทำให้เราสามารถลบจดหมายที่ไม่ต้องการออกจากกล่องเก็บจดหมายได้
แต่การลบจดหมายนั้น
จดหมายที่ถูกทำการลบออกไปแล้วจะยังไม่ถูกลบออกไปจากหน่วยความจำอย่างแท้จริง
แต่จะถูกนำไปทิ้งไว้ที่ขยะ (Trash) เช่นเดียวกับการลบไฟล์ต่างๆ ของ Microsoft Windows ที่จะนำไฟล์ที่ถูกลบไปเก็บไว้ที่ Recycle Bin ซึ่งจะสามารถกู้จดหมายที่ถูกลบไปแล้วกลับคืนมาได้
การกู้จดหมายกลับคืน
การกู้จดหมายกลับคืนสามารถทำได้ ดังต่อไปนี้
1. คลิกที่ Trash
2. คลิกเลือกจดหมายที่ต้องการกู้กลับคืน
3. คลิกที่ Move เพื่อกำหนดสถานที่ที่จะนำจดหมายจากถังขยะ (Trash) ไปเก็บไว้
1. [New Folder] ให้สร้างโฟลเดอร์ใหม่ที่ต้องการจะเก็บจดหมาย หรือ
2. Inbox ให้นำจดหมายไปเก็บไว้ในกล่องจดหมายเข้า หรือ ถ้าได้มีการสร้างโฟลเดอร์ไว้แล้ว จะแสดงชื่อของโฟลเดอร์นั้นออกมากแสดงเพื่อให้เราเลือก
4. แต่ถ้าต้องการลบจดหมายฉบับนี้ออกจากถังขยะ (Trash) ก็เพียงแต่คลิกเลือกจดหมายแล้วให้คลิกที่ Delete จะเป็นการลบจดหมายออกจากถังขยะ (Trash) ทันที และจะไม่สามารถกู้จดหมายกลับคืนได้อีกต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น